4 วิธีการ กระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์

กระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์

การกระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์ ถือเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยในระหว่างการตั้งครรภ์นั้น การพูดคุยหรือทำกิจกรรมร่วมกับลูกรักในครรภ์จะช่วยเสริมพัฒนาการให้กับลูกได้ดี ทั้งยังช่วยเสริมสร้างสายสัมพันธ์อันดีระหว่างคุณพ่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์อีกด้วย

เริ่มกระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์ได้เมื่อไร?

ทารกในครรภ์สามารถรับรู้ถึงเสียงของคุณพ่อคุณแม่ได้ตั้งแต่ช่วงที่อายุครรภ์กำลังเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 หรือเมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์เข้าสู่สัปดาห์ที่ 18 (เดือนที่ 4 – 6) การที่คุณพ่อคุณแม่พยายามพูดคุยกับลูกรักในครรภ์อยู่เสมอ จะช่วยให้ลูกคุ้นเคยกับเสียงมากขึ้น เมื่อเด็ก ๆ คลอดออกมาแล้วจะทำให้พวกเขาคุ้นชินกับเสียงของคุณพ่อคุณแม่ และสร้างความสบายใจกับเด็ก ๆ ได้ไวขึ้น 

การกระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์

คุณแม่ท้องอ่อน

แม้การกระตุ้นพัฒนาการให้กับลูกรักตั้งแต่อยู่ในครรภ์ด้วยวิธีต่าง ๆ จะยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด แต่ก็มีข้อสังเกตว่ามีทารกจำนวนไม่น้อยเลยที่ได้รับการกระตุ้นพัฒนาการตั้งแต่อยู่ในครรภ์ แล้วมีระดับสติปัญญาดี เลี้ยงง่าย อารมณ์ดี โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถกระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์ได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้ 

  • การคุยกับลูกในครรภ์

การพูดคุยหรือส่งเสียงเพื่อเล่านิทานของคุณพ่อคุณแม่นั้น จะช่วยทำให้ระบบประสาทและสมองของลูกรักที่ทำหน้าที่ควบคุมการได้ยินมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ทั้งยังช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการได้ยินหลังคลอดได้ 

การพูดคุยหรือเล่านิทานด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน นุ่มนวล และใช้รูปประโยคเดิมซ้ำ ๆ ก็จะช่วยสร้างความคุ้นชินให้กับลูกรักได้ดีเช่นเดียวกัน โดยสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรหลีกเลี่ยง คือ การพูดถึงเรื่องเศร้า ๆ เรื่องน่ากลัว คำพูดไม่ดี หรือแม้กระทั่งเรื่องเครียดที่อาจทำให้คุณแม่ทุกข์ใจ เพราะเด็ก ๆ สามารถรับรู้ถึงความเครียดของคุณแม่ได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์แล้ว

ในระหว่างที่คุณพ่อคุณแม่ทำการพูดคุย หรือเล่านิทานให้กับลูกรักฟัง หากทำการลูบท้องระหว่างการทำกิจกรรมไปด้วย โดยการลูบท้องเป็นวงกลมโดยเริ่มจากบริเวณใดก่อนก็ได้ จะช่วยทำให้ลูกรับรู้ถึงความรักผ่านการสัมผัส และยังช่วยกระตุ้นประสาทและสมองได้ดีอีกด้วย 

  • ให้ลูกฟังเพลง
แม่ท้องฟังเพลง

เสียงเพลงก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะกระตุ้นพัฒนาการเด็ก ๆ ได้ดี โดยระบบประสาทในการรับฟังของลูกจะเริ่มทำงานได้ช่วงเดือนที่ 4 – 6 การใช้เสียงจะช่วยกระตุ้นทำให้การทำงานเกี่ยวกับการได้ยินของลูกมีพัฒนาการดีขึ้น โดยคุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องเปิดเพลงคลาสสิกให้ลูกรักฟังเพียงเท่านั้น สามารถเลือกเพลงตามความชอบของคุณพ่อคุณแม่ได้เลย

แต่แนะนำให้เปิดเพลงด้วยระดับความดังที่พอดี และเหมาะสม ไม่ดังเกินไปจนทำให้คลื่นเสียงไปรบกวนการทำงานของลูก และควรเปิดเพลงให้ห่างจากหน้าท้องประมาณ 1 ฟุต

นอกจากนี้หลังจากที่ลูกคลอดออกมาแล้ว การที่คุณพ่อคุณแม่เปิดเพลงให้ลูกฟังระหว่างการตั้งครรภ์นั้นจะช่วยทำให้ลูกสามารถจัดลำดับความคิดในสมอง และยังจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

​​

แม่ท้องเล่นโยคะ
Midsection closeup shot of pregnant woman doing relaxation exercise exercise at park. Practice mindfulness meditation techniques on yoga mat for wellbeing. Third trimester. Healthy and active pregnancy lifestyle concept. Easy Pose – Sukhasana.
  • ส่องไฟกระตุ้นที่หน้าท้อง

เมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์เข้าสู่เดือนที่ 7 ในช่วงนี้ทารกในครรภ์สามารถกะพริบตา และตอบสนองต่อแสงไฟได้แล้ว คุณพ่อคุณแม่สามารถกระตุ้นพัฒนาการเซลล์สมองและเส้นประสาทส่วนของการรับภาพได้ด้วยการใช้ไฟฉายส่องไปที่หน้าท้อง ซึ่งจะช่วยทำให้การมองเห็นของลูกนั้นมีพัฒนาที่ดีขึ้น และยังช่วยเตรียมพร้อมสำหรับการมองเห็นของลูกหลังคลอดได้อีกด้วย

  • ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นระบบประสาทสัมผัสของลูกรัก โดยในขณะที่คุณแม่กำลังเคลื่อนไหวร่างกาย ลูกน้อยในครรภ์ก็จะมีการเคลื่อนไหวไปด้วย ทำให้ผิวกายของลูกนั้นไปสัมผัสผนังส่วนต่าง ๆ ภายในท้องคุณแม่ ซึ่งเป็นการช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสให้กับลูกรักนั่นเอง

จะเห็นได้ว่า การกระตุ้นพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของลูกในครรภ์ด้วยวิธีการพูดคุย เล่านิทาน เปิดเพลง หรือแม้กระทั่งการส่องไฟฉาย สามารถช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านต่าง ๆ ให้กับลูกรักในครรภ์ นอกจากนี้ กิจกรรมดังกล่าวยังช่วยเติมเต็มสายใยรักระหว่างคุณพ่อคุณแม่และลูกรักในครรภ์ได้ดีอีกด้วย 

บทความที่คุณอาจสนใจ

การเตรียมตัวก่อนคลอดและของเตรียมคลอดที่คุณแม่ควรจัด มีอะไรบ้าง

อาการผิดปกติขณะตั้งครรภ์ของคุณแม่ที่ควรมาพบแพทย์

ฤกษ์ผ่าคลอด 2565 ฤกษ์คลอด ฤกษ์มงคล เสริมดวงลูกรัก

อ้างอิง

https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=425